ร้อยเรื่องราวการประชุม “BOD Retreat 2015”
“เสริมพลัง สานสัมพันธ์ และร่วมกันกำหนดทิศทาง BOD ปี 2558-2561”
โดย รัตนศิริ ศิระพาณิชย์กุล
เมื่อวันที่ 16 – 17 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา แผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย (BOD) ภายใต้สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ได้จัด “การประชุม BOD Retreat 2015” ณ สามพราน ริเวอร์ไซด์ จังหวัดนครปฐม เพื่อ เชื่อมโยงเครือข่ายการทำงาน กำหนดทิศทางอนาคตของแผนงาน วิเคราะห์ยุทธศาสตร์และจัดทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการศึกษาพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพในรอบการศึกษาใหม่ (พ.ศ. 2558 – 2561) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
การประชุม BOD retreat 2015 มีผู้เข้าร่วมการประชุม 24 ท่าน ประกอบด้วยวิทยากรกระบวนการ บุคลากรจากแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย (BOD) และภาคีเครือข่าย ได้แก่ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมสุขภาพจิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กรมควบคุมโรค กองแผนงาน คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แผนงานเครือข่ายควบคุมโรคไม่ติดต่อ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ฝ่ายประสานงาน
กิจกรรมวันแรก
รู้จัก เข้าใจ ค้นหาเป้าหมาย ต้นทุน วิสัยทัศน์ และพันธกิจ
กิจกรรมในวันแรกเริ่มต้นด้วยบรรยากาศสบายๆ วิทยากรกระบวนการได้เชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมประชุมนั่งล้อมวงที่พื้นห้องก่อน ที่จะเชื้อเชิญให้หลับตาและฟังเพลงบรรเลงจากเปียโนที่มีท่วงทำนองสบายๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการประชุมเกิดความรู้สึกผ่อนคลายพร้อมทั้งสร้าง จินตนาการตามเสียงเพลง จากนั้นจึงเริ่มกิจกรรมแนะนำตัวเพื่อทำความรู้จักกันพร้อมทั้งแชร์ความ รู้สึกที่ได้จากการฟังเพลงเพื่อให้ทุกคนเริ่มต้นเปิดใจรับฟังเรื่องราวของ กันและกันอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงได้เริ่มต้นกิจกรรมสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและกระชับความสัมพันธ์ด้วยการให้ทุกคนวาดรูปของตัวเองในวัย 8 ขวบ และแบ่งปันเรื่องราวในช่วงนั้นทีละคน ทำให้วงประชุมเกิดความรู้สึกสนุกสนาน ผ่อนคลาย และเริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันจนทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น
ในช่วงบ่ายวิทยากรกระบวนการได้เริ่มต้นกิจกรรมคลายง่วงด้วยการให้ผู้เข้า ร่วมประชุมทำกิจกรรมม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์ให้เล็กและยาวที่สุด จากนั้นให้นำสก๊อตเทปแปะติดเพื่อให้กระดาษหนังสือพิมพ์คงรูปเป็นแท่งยาว สำหรับเริ่มต้นทำกิจกรรมตั้งแท่งกระดาษบนปลายนิ้ว โดยวิทยากรกระบวนการได้ตั้งโจทย์ความท้าทายให้ทุกคนตั้งแท่งกระดาษที่ปลาย นิ้วและใช้สายตามองเฉพาะที่ปลายนิ้วเท่านั้น จากนั้นจึงปล่อยให้ผู้เข้าร่วมประชุมทดลองสร้างความสมดุลของแท่งกระดาษที่ ปลายนิ้วให้ได้นานที่สุด ก่อนที่จะเปลี่ยนโจทย์ใหม่ให้มองที่ปลายยอด เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงความแตกต่างของการเปลี่ยนจุดโฟกัสดวงตา หลังจากนั้นจึงได้เชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมประชุมแชร์ความคิดที่ได้จากการทำ กิจกรรมนี้
“การมองที่ปลายนิ้วจะควบคุมยากกว่า แต่ถ้ามองที่เป้าหมายปลายกระดาษจะทำให้ควบคุมได้ง่าย ทรงตัวกระดาษได้นานกว่า”
“ถ้ารู้จุดมุ่งหมายของกิจกรรม จะสามารถเตรียมการม้วนกระดาษให้ได้ดีกว่านี้”
“การทรงตัวกระดาษ จะต้องหาเทคนิคและใช้เทคนิคนั้นเพื่อให้สามารถทรงตัวกระดาษได้นานที่สุด”
วิทยากรกระบวนการได้ต่อยอดกิจกรรมจากแท่งกระดาษด้วยการให้ผู้เข้าร่วมประชุม ใช้กรรไกรตัดแท่งกระดาษนั้นตามความพอใจของตนเอง ก่อนที่จะเฉลยกิจกรรมการทำงานร่วมกันด้วยการให้ทุกคนนำแท่งกระดาษนั้นมา เรียงต่อกันทีละคนเพื่อสร้างรูปหัวใจโดยมีโจทย์สำคัญคือห้ามใช้เสียง ผลที่ออกมาคือ ทุกคนสร้างรูปหัวใจที่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก (วิทยากรให้ความเห็นว่าเหมือนเลขสาม) จากนั้นวิทยากรให้ทุกคนแก้ตัวใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนปรึกษากันในระยะเวลา 3 นาที ก่อนที่จะเริ่มเรียงรูปหัวใจใหม่อีกครั้งโดยไม่ใช้เสียง เมื่อได้รูปหัวใจแล้ว วิทยากรได้ถามผู้เข้าร่วมประชุมว่าทุกคนพอใจในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ก่อนที่จะให้ทุกคนสะท้อนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมสร้างหัวใจจาก แท่งกระดาษในครั้งนี้
“ถ้าเราไม่ได้คุย กัน เราก็จะไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้ แต่พอเราได้คุยกัน วางแผนร่วมกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดีขึ้น ตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ แต่อาจจะไม่สวยงามตามที่เราคาดหวัง”
“ถ้าเราเห็นปลายทางร่วมกัน และเราก็รู้ว่าจุดไหนเป็นจุดที่เราจะต้องเริ่ม เราก็จะสามารถวางให้มันบรรจบกันตามเป้าหมายได้ โดยคนอื่นๆ ก็จะอาศัยวิธีการสังเกตุจังหวะการวางของแต่ละคน เพื่อให้รู้ว่าตัวเองจะวางต่ออย่างไร”
“ถ้าเราไม่ได้คุยกัน แม้ว่าเราจะมีเป้าหมายร่วมกัน มันก็จะไม่สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ถ้าเมื่อไหร่เราได้คุยกันและรู้วิธีการการทำงานร่วมกัน มีการทำงานตามลำดับขั้นตอน มันก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้ แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้มันจะไม่ได้สวยหรูตามที่เราคิด แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย”
“ถ้าเราได้เห็นในสิ่งที่เขาวาง เราก็จะสามารถต่อยอดเพื่อให้เกิดความสำเร็จได้”
“ความยาวของกระดาษที่แตกต่างกัน เปรียบเสมือนเหมือนศักยภาพของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน แต่ว่าเราสามารถใช้ศักยภาพของแต่ละคนให้เกิดประโยชน์ได้ ถ้าเราปรับตัวเข้าหากันเชื่อมโยงการทำงานและเข้าใจซึ่งกันและกัน”
“เรามีรูปหัวใจเป็นเป้าหมายเหมือนกัน แต่ในรอบแรกเราไม่สามารถเรียงต่อกระดาษให้เป็นรูปหัวใจได้ เพราะเราไม่ได้คุยกัน แต่พอเราได้คุยกัน ได้วางแผนร่วมกัน ได้ทดลองวางใหม่ ก็ทำให้สามารถประกอบรูปหัวใจออกมาได้”
“เราไม่รู้ว่าแต่ละคนมีแท่งกระดาษสั้นหรือยาวแค่ไหน เปรียบเสมือนธรรมชาติของคนที่เก่งกันคนละด้านซึ่งเราจะไม่รู้มาก่อนว่าใคร เก่งด้านไหนถ้าเราไม่ได้คุยกัน”
“ทุกคนมีหัวใจเป็นเป้าหมาย แต่การนำแท่งกระดาษของแต่ละคนมาประกอบเป็นรูปหัวใจ มันกะยากเพราะเราไม่รู้ว่าแต่ละคนมีแท่งกระดาษยาวหรือสั้นแค่ไหน แต่พอเราได้คุย ได้ทดลองทำใหม่ ได้เห็นภาพรวมแล้ว เราก็สามาถทำรูปหัวใจให้สำเร็จได้ ซึ่งในชีวิตจริงเราสามารถเรียนรู้จุดที่ผิดพลาดและทดลองทำใหม่ได้เสมอ”
กิจกรรมต่อรูปหัวใจนับเป็นกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่า การไปสู่เป้าหมายมีองค์ประกอบปัจจัยและข้อจำกัดที่หลากหลาย เพราะแต่ละคนมีความคิดและต้นทุนที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับการต่อกระดาษเป็นรูปหัวใจที่แต่ละคนมีความยาวและจังหวะการวาง แท่งกระดาษไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือการต่อรูปหัวใจ ดังนั้นทุกคนจึงได้พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น
ในเวลาต่อมา วิทยากรได้เชื่อมโยงกิจกรรมมาสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเรื่องวิสัยทัศน์ของ BOD เพื่อกำหนดทิศทางและเป้าหมายการทำงานของ BOD ใน 3 ปี นับจากนี้ โดยให้ทุกคนร่วมกันค้นหาต้นทุน วิสัยทัศน์และพันธกิจการทำงานของ BOD จนได้ข้อสรุปดังต่อไปนี้
ต้นทุนของ BOD (มุมมองจาก BOD และ เพื่อน BOD)
วิสัยทัศน์ (BOD vision )
“เป็นผู้นำด้านการศึกษาพัฒนาดัชนีภาระสุขภาพในระดับภูมิภาค”
พันธกิจ (Mission)
- พัฒนาการจัดทำดัชนีภาระสุขภาพที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการในระดับประเทศ
- พัฒนาความร่วมมือกับเครือข่ายในการจัดทำและใช้ประโยชน์จากดัชนีภาระสุขภาพ
- สื่อสารการศึกษาดัชนีภาระสุขภาพกับผู้กำหนดและขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพ
- พัฒนาศักยภาพองค์กรให้เป็นแหล่งเรียนรู้และขยายเครือข่ายด้านการจัดทำดัชนีภาระสุขภาพในระดับประเทศและภูมิภาค
วิทยากรกระบวนการได้ปิดท้ายกิจกรรมในวันแรก ด้วยการทำกิจกรรมสุนทรียสนทนา จับคู่เปิดใจ เล่าเรื่องราวประทับใจของกันและกัน ก่อนที่จะให้แต่ละคู่มาเล่าเรื่องราวของเพื่อนให้วงประชุมฟังเพื่อให้แต่ละ คนได้เรียนรู้การรับฟังเพื่อนอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อมาทำกิจกรรมร่วมกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น
กิจกรรมวันที่สอง
กระชับความสัมพันธ์ สร้างสรรค์แผนการทำงาน ชี้ทิศทางการก้าวไปข้างหน้า
ในเช้าวันที่ 17 วิทยากรกระบวนการได้เริ่มต้นกิจกรรมด้วยการให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่เพิ่ง เข้ามาร่วมกิจกรรมได้แนะนำตัวเองให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก จากนั้นจึงนำเข้าสู่การทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมและสร้างความตื่นตัวให้กับผู้ เข้าร่วมประชุมด้วยการเล่นเกมส์นับเลขปรบมือ
ต่อมา วิทยากรกระบวนการได้เชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมเลือกหินที่ชอบและใช่ โดยการนำหินแม่น้ำที่มีสีและรูปร่างแตกต่างกันไปให้ผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละ คนเลือกหินที่คิดว่าชอบ ใช่ และคล้ายกับบุคลิกของตนเองมากที่สุด ก่อนที่จะให้แต่ละคนพิจารณาว่าหินมีส่วนคล้ายกับตนเองอย่างไร และผลัดกันเล่าเรื่องราวนั้นออกมา เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้เรียนรู้บุคลิกของแต่ละคนผ่านการเปรียบเทียบตน เองกับหินที่หยิบมา
ต่อมา วิทยากรกระบวนการได้มีการแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุมออกเป็น 2 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มนำหินของตัวเองมาต่อรวมกันในแนวตั้งให้ได้สูงที่สุด ก่อนที่จะให้แต่ละคนสะท้อนความคิดของการทำให้หินต่อกันได้สูงท่าสุดตามที่ ตั้งใจ
“ต้องดูก่อนว่าหินแต่ละก้อนก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร จากนั้นจึงออกแบบการจัดเรียงร่วมกันว่าจะต่ออย่างไรให้สูงที่สุด”
“เรามองว่าหินทุกก้อนมีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นก้อนเล็กก้อนใหญ่หรือก้อนแบน จากนั้นเราก็มาคิดร่วมกันว่าเราจะออกแบบอย่างไรให้สามารถใช้ประโยชน์หินได้ ทุกก้อน ซึ่งแต่ละก้อนก็จะค้ำซึ่งกันและกัน จะขาดก้อนใดก้อนหนึ่งไม่ได้”
“เราต้องใช้ทักษะของแต่ละคนในการต่อหินร่วมกัน”
“เราต้องดูก่อนว่าเรามีหินแบบไหนบ้าง ซึ่งเราก็จะเห็นว่าในจำนวนหินที่มีอยู่นั้นมันมีหินก้อนเล็กก้อนน้อยอยู่ ด้วย ซึ่งถ้าเราเอาหินก้อนเล็กมาต่อกันมันคงหล่น เราเลยใช้ประโยชน์ของหินก้อนเล็กก้อนน้อยโดยการนำมาเป็นฐาน เปรียบเสมือนกับคนตัวเล็กคนตัวน้อยที่มีคุณค่า มีประโยชน์ เป็นฐานที่สำคัญ ถ้าเราขาดเขาไปเราก็จะไม่สามารถต่อหินก้อนใหญ่ให้สูงได้”
“เราต้องวิเคราะห์ให้ดี ถ้าเราไม่พอเพียง ไม่ประมาณตน มันจะล้มและพังทั้งหมด”
“มองเรื่องการช่วยเหลือกัน จริงๆ การต่อหินมันล้มไปหลายครั้ง แต่เราก็เริ่มต้นใหม่ได้ทุกครั้ง”
ต่อมาวิทยากรได้สร้างความท้าทายให้กับผู้เข้าร่วมประชุมด้วยการตั้งโจทย์ ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันต่อหินใหม่ให้สูงกว่าเดิม โดยการเปลี่ยนมุมมองหรือดึงประสบการณ์ความผิดพลาดล้มเหลวที่เกิดจากการต่อ หินในครั้งแรกมาใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการต่อหินครั้งใหม่ ก่อนที่จะให้ผู้เข้าร่วมการประชุมบอกเล่าบทเรียนส่วนตัวที่ได้เรียนรู้จาก การต่อหินในครั้งนี้
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
“สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สามารถเป็นไปได้”
“สิ่งที่เราเคยคิดว่าไม่มีประโยชน์ก็อาจมีประโยชน์”
“ต้องมีสมาธิและสติ”
“ต้องร่วมด้วยช่วยกัน ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ”
“นำทุกอย่างมาใช้ประโยชน์ให้ได้”
“กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง”
“หินทุกก้อนสามารถสลับที่กันได้”
“สิ่งๆ เดิม หากเราเปลี่ยนมุมคิด ผลลัพธ์ก็เปลี่ยน”
“ความหลากหลายคือความสวยงาม”
“อยู่ได้ด้วยความแตกต่าง”
“ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข”
“ต้องสังเกตเหลี่ยมมุมของแต่ละก้อนว่ามันจะสัมพันธ์กันอย่างไรได้บ้าง”
“ทุกสิ่งทุกอย่างมีความสำคัญ เราต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่ทิ้งกัน หินทุกก้อนมีหน้าที่”
เมื่อทำกิจกรรมเรียงหินจบแล้ว วิทยากรกระบวนการได้ชี้ชวนให้ผู้เข้าร่วมประชุมคิดแผนปฏิบัติงาน BOD ร่วมกัน ว่า BOD จะมีบทบาทหน้าที่อย่างไร โดยได้แบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อให้แต่ละกลุ่มไปคิดร่วมกันและนำผลมาเสนอในวงประชุม จนได้บทสรุปภาพรวมแผนการปฏัติงาน BOD ดังต่อไปนี้
แผนการปฏิบัติงาน BOD
ยุทธศาสตร์ 1
สร้างองค์ความรู้พัฒนางานวิจัย |
ยุทธศาสตร์ 2
พัฒนาศักยภาพนักวิจัยรุ่นใหม่และเครือข่าย |
ยุทธศาสตร์ 3
นำผลงานวิจัยสู่การกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ |
ตอบรับพันธกิจที่ 1,2 | ตอบรับพันธกิจที่ 2,4 | ตอบรับพันธกิจที่ 2,3 |
บทบาทของ BOD
|
||
ข้อจำกัด |
แยกวิเคราะห์ตามกิจกรรม
ยุทธศาสตร์ /กิจรรม | ทำอย่างไรให้สำเร็จ | ก้าวข้ามขอบจำกัด |
สร้างองค์ความรู้พัฒนางานวิจัย | ||
|
เป็นการดำเนินงานภายใน BOD 90% | |
ข้อมูลที่นำมาคาดการณ์ค่อนข้างเก่า ต้องใช้ model ในการคาดการณ์ภาระโรค (AJ. Don) | ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ (Aj.Don) เพื่อเรียนรู้การนำค่าสถิติมาปรับ | |
80% เป็นการดำเนินงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงาน สนย.สปสช. สสท. สสร. และการประเมินคุณภาพข้อมูลหลังจากการอบรมที่ สนย. จัดอบรม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้กระบวนการพัฒนาคุณภาพฯ | -มีชื่อร่วม
-สร้างความตระหนักในหน่วยงานที่รับผิดชอบ -สนย. เป็นตัวเชื่อม โดยเช็ตคณะทำงาน และ สนับสนุนวิชาการ |
|
อาจจะมีปัญหาเรื่องกำลังคน และองค์ความรู้ | ||
เป็นโครงการวิทยานิพนธ์ที่ทำร่วมกับ มอ. | ||
ยังไม่ระบุผู้ดำเนินงาน | ||
มีน้อย | ร่วมกับมหาวิทยาลัยในการวิจัยและตีพิมพ์ | |
ยุทธศาสตร์ 2
พัฒนาศักยภาพนักวิจัยรุ่นใหม่และเครือข่าย |
ตามกิจกรรมที่กำหนดไว้ | |
ยุทธศาสตร์ 3
นำผลงานวิจัยสู่การกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ |
มีกิจกรรมการดำเนินงานที่กำหนดไว้ | -ผู้กำหนดนโยบาย
-เครือข่าย -บุคคลทั่วไป |
ในช่วงท้ายของกิจกรรมนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมที่เป็นเพื่อน BOD ได้เติมเต็มข้อเสนอแนะเพื่อช่วยให้ BOD สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
- BOD รู้เทคนิคการทำดัชนีภาระโรค แต่อาจจะขาดข้อมูลซึ่งต้องไปขอกับหน่วยงานอื่น เช่น ข้อมูลด้านสุขภาพจิต ทาง BOD ต้องไปเชื่อมงานหรือปรึกษางานกับกรมสุขภาพจิต เพื่อให้ได้งานที่ดียิ่งขึ้น
- คนทำงานรุ่นพี่จะมีความรู้และเข้าใจทั้งเรื่องเทคนิคและเนื้อหา แต่อาจจะไม่มีเวลามาลงรายละเอียดเรื่องเทคนิค ดังนั้นเราอาจต้องเชิญคนทำงานรุ่นพี่มาเป็นโค้ชให้คนทำงานรุ่นน้อง เพื่อให้รุ่นน้องเกิดการเรียนรู้เรื่องเทคนิคจากรุ่นพี่
- ควรมีการจัดการประชุมแบบไม่เป็นทางการเป็นระยะๆ เพื่อเติมเต็มความสัมพันธ์ในทีมให้แนบแน่น
- ทีมหลักของ BOD เป็นคนรุ่นใหม่ อาจจะยังไม่รู้เรื่องข้อมูล ดังนั้นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะมาช่วยเติมเต็มเพื่อเสริมประสิทธิภาพการ ทำงาน ซึ่งเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยมี 2 ส่วนคือ 1) ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข 2) ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างทีม BOD กับผู้เชี่ยวชาญในกระทรวงสาธารณสุขจะมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกันดี แต่ความสัมพันธ์กับผู้เชี่ยวชาญในมหาวิทยาลัยยังคงมีช่องว่างที่จะต้องสาน สัมพันธ์เพิ่ม ซึ่งอาจจะต้องมีเวทีติดตามแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันเพื่อลดช่องว่างตรง นี้ เพราะถ้าหากสามารถลดช่องว่างนี้ได้ เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาร่วมทำงานกับ BOD ก็จะมีการขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น
- การที่จะเชื่อมโยงนักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอกเข้ามาทำงานร่วมกับ BOD อาจจะยังเป็นเรื่องที่ยาก ที่ผ่านมามีแต่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่มีความสนใจ แต่มหาวิทยาลัยอื่นๆ อาจจะยังไม่ค่อยมีความสนใจ เพราะเขาไม่มีเวลา หรือไม่รู้ว่าจะเข้ามาเชื่อมโยงกับ BOD อย่างไร จึงเป็นความท้าทายที่ BOD จะต้องลองวิเคราะห์หาวิธีการเชื่อมโยงกันอีกที
- ต้องเชื่อมโยงงานภายในองค์กร ไม่ให้เป็นการทำงานที่แยกส่วน ต้องทำให้ทีม BOD เกิดการเรียนรู้งานซึ่งกันและกันเพื่อเสริมงานกันให้ดียิ่งขึ้น
- เนื่องจาก BOD เป็นหน่วยงานที่ใช้ฐานข้อมูลจากหน่วยงานอื่น ซึ่งแต่ละหน่วยงานอาจจะมีการทำข้อมูลที่มีประสิทธิภาพต่างกัน จึงเป็นความท้าทายของ BOD ที่จะต้องทำให้หน่วยงานนั้นๆ เกิดความท้าทายตัวเองที่จะสร้างฐานข้อมูลที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นบทบาทของ BOD จึงไม่ใช่แค่การประสานข้อมูล แต่ต้องมีการโค้ชให้เครือข่ายเกิดการพัฒนาข้อมูลที่มีคุณภาพด้วย
หลังจากจบการเติมเต็มข้อเสนอแนะการทำงาน วิทยากรกระบวนการได้แจกโจทย์ให้ผู้เข้าร่วมการประชุมหาสิ่งของอะไรก็ได้มา 1 ชิ้นที่สามารถอธิบายคุณค่าของสิ่งของชิ้นนั้นได้ ซึ่งในเวลาต่อมาผู้เข้าร่วมประชุมก็ได้นำสิ่งของต่างๆ มาบอกเล่าถึงคุณค่าของสิ่งของชิ้นนั้น ด้วยบรรยากาศที่สนุกสนาน
จากนั้นวิทยากรกระบวนการได้เพิ่มโจทย์ใหม่ให้กับผู้เข้าร่วมประชุม ด้วยการให้จับคู่กันแล้วอธิบายคุณค่าและความสัมพันธ์ของสิ่งของ 2 ชิ้น ต่อด้วยการจับกลุ่ม 4 คน และการจับกลุ่มเป็น 2 ทีม พร้อมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ของสิ่งของ ในนิยามใหม่ๆ เพื่อจุดประกายความคิดและสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้แก่กันและกัน โดยกิจกรรมนี้ได้ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมเรียนรู้ถึงความงดงามทางความคิดที่ มีความแตกต่างหลากหลาย แต่ก็สามารถมารวมกันแล้วทำให้เกิดคุณค่าใหม่ๆ ได้
ใน ช่วงท้ายของการประชุม ผู้เข้าร่วมการประชุมได้เปิดใจถึงการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาเรื่องการทำงาน/เชื่อมประสานงานในอนาคต เพื่อร่วมกันเดินทางไปสู่เป้าหมายตามภารกิจของ BOD ที่วางไว้
หลังจากที่คนทำงาน BOD และเพื่อน BOD ได้ร่วมกันเสริมพลัง สานสัมพันธ์ และกำหนดทิศทาง BOD ปี 2558-2561 เสร็จเรียบร้อยแล้ว วิทยากรกระบวนการก็ได้ปิดการประชุมครั้งนี้ด้วยกิจกรรม “จับมือ-เปิดใจ” ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
“งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา” แต่การปิดประชุมในครั้งนี้นับว่าเป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ดีของการทำงานเฟสใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่ง BOD มีความพร้อมและมีพลังอย่างเต็มที่ในการสร้างสรรค์องค์ความรู้ดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อผลักดันสู่การขับเคลื่อนนโยบายที่ดีต่อสุขภาพคนไทยในอนาคต…