ของเสียอันตราย (Hazardous Waste) “ของเสียอันตราย” เป็นวัสดุที่ไม่ได้ใช้แล้วที่มีคุณสมบัติเป็นสารไวไฟ กัดกร่อน เกิดปฏิกิริยายาได้ง่าย มีสารพิษปะปนหรือมีตัวทำละลาย
เสื่อมคุณภาพตามรายชื่อที่ระบุไว้ หรือกากตะกอนที่เกิดจากการผลิต หรือเกิดจากระบบบำบัดน้ำเสีย จากกิจกรรมตามรายชื่อที่ระบุ [ประกาศกระทรวงอุตสาหรรมฉบับที่ 25 (พ.ศ.2531)] ของเสียอันตรายจึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “กากของเสียอุตสาหกรรม”
- กากตะกอนจากการละลายเกลือและกากตะกอนจากโรงผลิตโซดาไฟด้วยวิธีใช้เซลปรอท
- กากวัตถุมีพิษและกากตะกอนจากโรงงานผลิตและบรรจุยาฆ่าแมลง
- ฝุ่นจากระบบกำจัดตะกั่วในอากาศและกากตะกอนจากโรงงานหลอมตะกั่ว
- ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ที่เสื่อมหรือไม่ได้คุณภาพ
- น้ำยาเคมีจากถังชุบโลหะกากที่เหลือจากการชุบโลหะรวมทั้งกากตะกอนจากโรงงานชุบโลหะ
- ของเสียจากโรงงานผลิตวัตถุระเบิด
- ปลายขั้วหลอดที่ผลิตไม่ได้คุณภาพที่ปนเปื้อนสารปรอทจากโรงงานผลิตหลอดฟูออเรสเซนต์
- ถ่านไฟฉายที่ผลิตไม่ได้คุณภาพฝุ่นจากระบบกำจัดอากาศกากตะกอนจากโรงงานผลิตถ่านไฟฉาย
- กากสีจากห้องพ่นสีของโรงงานที่ประกอบกิจการเกียวกับรถยนต์และจักรยานยนต์
ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการของเสียอันตราย มี 3 กลุ่มใหญ่ คือผู้ก่อกำเนิด (Waste Generator) ผู้ขนส่ง (Waste Transporter) ผู้รับบำบัดกำจัด (Waste Processor) ซึ่งแต่ละกลุ่มมีหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อให้การดำเนินการจัดการของเสียอันตรายเป็นไปอย่างถูกต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขอนามัย ความปลอดภัยของประชาชน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ที่มา : สำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม
การกำจัดหรือบำบัดของเสียอันตรายเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ก่อกำเนิดต้องตระหนัก เพราะหากกำจัดหรือบำบัดไม่ถูกวิธี หรือไม่เหมาะสมกับของเสียอันตรายชนิด นั้นๆ จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ ได้ศึกษาและตรวจสอบข้อ ร้องเรียนของประชาชน พบว่า ขณะนี้มีพื้นที่เสี่ยงที่ลักลอบทิ้งกากหรือของเสียอุตสาหกรรมมากถึง 25 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดที่เกิดปัญหารุนแรงมากที่สุด รองลงมาคือ ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี และสมุทรปราการ ตามลําดับ
การลักลอบทิ้งกากของเสียแทนที่จะกำจัดหรือบำบัดในระบบเนื่องมาจากค่าใช้ จ่ายในการกำจัดหรือบำบัดราคาสูง ประกอบกับจำนวนโรงงานรับกำจัดมีไม่เพียงพอกับปริมาณของเสียอันตรายที่เกิดขึ้น
- การบำบัดด้วยกระบวนการทางกายภาพและเคมีการบำบัด(Treatment) และการกำจัด (Disposal) 4 วิธีหลัก
- การบำบัดด้วยกระบวนการทางชีวภาพ
- การปรับเสถียร (stabilization/solidification)
- การฝังกลบอย่างปลอดภัย (secure landfill)
จากการเปิดเผยข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) พบว่า“ขณะนี้ปัญหาการทิ้งขยะที่เป็นกากขยะอันตรายและกากของเสียที่ไม่อันตรายมีการระบาดแพร่หลาย รวมถึงเกิดบ่อบำบัดขยะมีพิษเถื่อนเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้ล่าสุด ต้องสำรวจข้อมูลว่าปัจจุบันมีโรงงานทั่วประเทศอยู่กี่แห่งและมีปริมาณขยะที่ออกจากโรงงานในปริมาณกี่ตันต่อปี”
โรงงาน | จำนวน (โรงงาน) | หมายเหตุ |
โรงงานประเภท 1 | 42,528 | สามารถดำเนินกิจการได้เลย โดยไม่ต้องมาขออนุญาตจากกรอ. |
โรงงานประเภท 2 | 17,557 | โรงงานที่ก่อนจะประกอบกิจการจะต้องมาแจ้ง แต่ไม่ต้องขอใบอนุญาตตั้งโรงงาน |
โรงงานประเภท 3 | 75,867 | เป็นโรงงานที่จะต้องมาขอใบอนุญาตตั้งโรงงานหรือใบรง.4 |
รวม | 135,952 |
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้กรอ.โฟกัสมาที่โรงงานประเภทที่ 3 โดยเบื้องต้นเลือกโรงงานที่มีของเสียอันตราย และของเสียที่ต้องควบคุมออกมาจำนวน 20 ประเภท เช่น กากของเสียที่เป็นโลหะ กากของเสียที่เป็นสารเคมี กากของเสียที่มีส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง และกากของเสียที่มีกรด รวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยพบว่าในจำนวนนี้มีโรงงานที่มีของเสียอันตรายอยู่ราว 1.6 หมื่นโรงงาน จากข้อมูลทำให้กรอ.พบว่ามีใบขนย้ายกากทั้ง 2 ชนิดออกจากโรงงานไม่ตรงกับกากจริงที่ออกจากโรงงาน โดยกากขยะทั้ง 2 ชนิดหายไปจากระบบข้อมูลรวมกันทั้งสิ้น 31.40 ล้านตัน
โรงงานประเภท 3 | ใบแจ้งขนออก | ใบขนจริง/นำไปบำบัด | หายไปจากระบบ |
โรงงานที่มีของเสียอันตราย และของเสียที่ต้องควบคุม 20 ประเภท (1.6 หมื่นโรงงาน ) | 2.75 ล้านตัน/ปี | 9 แสนตัน | 1.85 ล้านตัน |
โรงงานที่มีกากของเสียที่ไม่อันตราย (1.2 หมื่นโรงงาน) | 41.5 ล้านตัน | 12 ล้านตัน | 29.50 ล้านตัน |
รวม | 31.40 |
ที่มา: กรมโรงงานอุตสาหกรรม (ข้อมูลเดือนมีนาคม 2555 ถึงเดือนมีนาคม 2556)
โรงบำบัดกากของเสีย | จำนวน (โรงงาน) | หมายเหตุ |
1. โรงงานประเภท 101 (โรงบำบัดของเสียรวม) | 141 | เตาเผาขยะในโรงงานปูนซีเมนต์ หรือระบบบำบัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรม |
2. โรงงานประเภท 105 | 1,225 + บ่อฝังกลบ 18 แห่ง | บ่อฝังกลบและเป็นโรงงานคัดแยก |
3. โรงงานประเภท 106 | 423 | โรงงานรีไซเคิล |
รวม | 1,789 + บ่อฝังกลบ 18 แห่ง |
เส้นทางขนขยะออกจากโรงงานไปยังโรงบำบัดของเสียมีช่องโหว่ตรงไหนบ้าง ขยะหาย ไปจากระบบได้อย่างไร กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ทุกครั้งที่มีการขนย้ายกากออกจากโรงงานกรอ.จะต้องออกใบสก.2 (ใบอนุญาตให้นำกากออกนอกโรงงาน) ซึ่งในสก.2 จะรู้ว่า บริษัทก. ซึ่งเป็นโรงงานผลิต จะส่งกากของเสียไปให้กับบริษัทข. ซึ่งเป็นบริษัทรับกำจัดกากเพื่อทำการบำบัดในปริมาณเท่าใด นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ถ้าบริษัทข. มีขีดความสามารถในการบำบัดของเสียได้เต็มที่ 200 ตัน แต่มีปริมาณขยะเกินกว่ากำลังผลิต บริษัท ข.นำขยะส่วน เกินไปไว้ที่ไหน นำไปทิ้ง หรือนำไปให้กับผู้รับช่วงรายอื่น ซึ่งตรงนี้ระบบการตรวจสอบของกระทรวงอุตสาหกรรมกลับตรวจสอบข้อมูลตรงนี้ไม่ ได้” (ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,835 วันที่ 14 – 17 เมษายน พ.ศ. 2556)
- จากปัญหาขยะพิษ หายจากระบบ กรมโรงงานอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องหามาตรการแก้ปัญหาดัง กล่าว เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการลักลอบทิ้งกากของ เสีย และอุดช่องโหว่ของผู้ประกอบการที่ไม่อยากจ่ายค่าบำบัดในราคาแพง